เที่ยวเมืองจันทน์..ในวันฟ้าหม่น – วันที่สอง

วันแรก – วันที่สอง – วันเดินทางกลับ

Summary

On Trip : FRI.16 – SUN.18 SEPTEMBER,2011
Interval : 3 Days 2 Nights
Location : Smile Beach Boutique Resort
GPS : N12.557663, E101.914587
Distance : about 220 KM.

ตื่ น ม า ตอนเช้าวันเสาร์ที่ 17 กันยายน 2554 ประมาณ 7 โมงครึ่ง น้องเอแคลร์ตื่นขึ้นมาเปิดแลปท็อปนั่งเล่นเกมในการ์ตูนเน็ตเวิร์คอยู่ ป๊ะป๋าลุกไปเข้าห้องน้ำปิดแอร์ เปิดประตูให้อากาศถ่ายเท แล้วเดินออกไปสูดอากาศดีๆ ตอนเช้าข้างหน้าห้อง น้องๆ พนักงานก็เดินเข้ามาถามทันทีว่าจะทานอาหารเช้าเลยหรือเปล่า ก็เลยบอกว่าซักครู่นึง รอคุณย่ากับคุณอาที่อยู่ห้องติดกันก่อน

ถ้ า อย่างนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามมาดูห้องพักของสมาย บีชที่เรานอนกันเมื่อคืนนี้ไปพลางๆ ก่อน ถ่ายรูปไว้ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึง แต่ยังไม่ได้เอารูปลงในตอนแรก เลยเอามาลงตอนที่สองนี้แล้วกัน เหมือนจะเป็นกระท่อมแฝดติดกันสองหลัง เรียงกันเป็นแนวยาวลงไปสู่ริมหาด มีห้องพักอยู่ทั้งสองด้าน ทั้งยังมีชั้นบนอีกด้วย เสียดายที่ลืมขึ้นไปเก็บภาพวิวทะเลจากชั้นบน เดี๋ยวคราวหน้าไปใหม่เนอะ

 

 

พ ร้ อ ม หน้าพร้อมตากันแล้วก็เดินไปกินอาหารเช้ากัน ส่วนที่นั่งกินอาหารเช้าจะอยู่ริมทะเลเลย กินไปมองทะเลไป ลมทะเลพัดเย็นสบายสดชื่นมากๆ เจริญอาหารเป็นอย่างยิ่ง แต่อาหารเช้าเป็นแบบ American Breakfast นี่สิ แฮม ไข่ดาว ขนมปัง เนย แยม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ แม้จะมีข้าวต้มกุ้งมาให้ด้วยก็เถอะ ก็ยังกินได้ไม่สะใจเลย แต่ก็เหมาะสมตามแบบฉบับของ ABF นั่นแหละ (เอาน่า..อย่าตามใจปาก โลภมากเดี๋ยวอ้วน..ง่า..ไม่ทันแล้วมั๊งคุ๊ณณณ 555+)

วั น นี้ เดี๋ยวเรามีโปรแกรมออกไปเที่ยวชมเมือง ตามจุดสนใจต่างๆ ที่เตรียมข้อมูลมา จัดการคีย์พิกัดใส่ไว้ใน GPS เรียบร้อยตั้งแต่คราวที่คุณอามาเที่ยวอัล เมดิน่าครั้งก่อนแล้ว คราวนี้ก็กดอย่างเดียวแล้วปล่อยเจ้า GPS นำทางไป จุดแรกที่ไปแวะก็คือจุดชมวิวปากน้ำแขมหนู เข้าไปจอดรถได้บริเวณใต้สะพานเฉลิมพระเกียรติ ออกไปเดินเก็บภาพมานิดหน่อย ไม่ไหวแดดแรงเหลือเกิน ซักพักพอจะออกเดินทางฟ้ากลับครึ้มซะหยั่งงั้น

จุ ด ต่ อ ไ ป แวะเข้าไปดู “ตึกแดง” ไปดูผนังตึกแดงที่สีหลุดลอกเป็นภาพคล้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงของเรา ไปพบกับลุงคนนึงเป็นคนดูแลตึกแดงนี้อยู่ ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวประวัติอันยาวนานของตึกแดงแห่งนี้ตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามายึดครองดินแดนแถบนี้ จนได้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยในปัจจุบัน และคุณลุงได้ฝากให้ผู้มีอำนาจในทุกภาคส่วน ช่วยเข้ามาบูรณะซ่อมแซมให้ตึกแดงจะได้ยังคงอยู่ให้ลูกหลานได้ศึกษาหาความรู้ต่อไป

 


สีลอกที่ผนังตึกแดงดูคล้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง..

อ อ ก จ า ก ตึกแดง ก็ไปแวะชม “คุกขี้ไก่” ที่อยู่ใกล้ๆ กันอีกซักหน่อย แล้วก็ขับตรงยาวๆ เข้าสู่ตัวเมืองจันทบุรีเพื่อเข้าไปชมโบสถ์คริสต์เมืองจันทบุรีหรือชื่อเต็มว่า “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” ขับตาม GPS พาเข้าเมืองผ่านตลาด ไปเจอวันเวย์เลี้ยวไปตามที่ GPS บอกไม่ได้ต้องวนออกมาเริ่มต้นที่ถนนหลักด้านนอกอีกครั้งแล้วเข้าโบสถ์นี้อีกทางนึงถึงจะเข้าได้ เข้าไปจอดรถได้ที่บริเวณโรงเรียนได้เลย โบสถ์ใหญ่มากตามประวัติว่าเอาไว้ว่าเก่าแก่และมีอายุมากกว่า 100 ปีเลยนะ ยิ่งใหญ่ตระการตามากมาย แต่ฟ้ามืดครึ้มมีแดดบ้างเล็กน้อย ฟ้าเน่าแบบนี้เก็บภาพได้นิดหน่อยก็พอแล้วล่ะ เข้าไปถ่ายข้างในดีกว่า มีวิทยากรกำลังบรรยายประวัติความเป็นมาของโบสถ์และชุมชนนี้ให้กลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจากกรุงเทพฯ อยู่ เลยได้อาศัยฟังเก็บความรู้ไปกับเค้าด้วย

 

อ อ ก จากโบสถ์ก็บ่าย 2 โมงแล้ว ทั้งเด็กทั้งหนุ่มสาวทั้งคนแก่เริ่มกระจองอแงเพราะหิวข้าวกันแล้ว มื้อกลางวันยังไม่ได้กินกันเลย เลยตั้งใจจะกลับไปกินกันแถวๆ หาดเจ้าหลาวใกล้ที่พักนั่นแหละ แต่วิ่งออกมาก็ผ่านศาลหลักเมืองและศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าค่ายตากสิน กองพันทหารราบที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๑ กองพลนาวิกโยธิน เลยได้แวะนมัสการไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยเพื่อเป็นสิริมงคล ให้ท่านช่วยปกป้องคุ้มครองให้เดินทางราบรื่นปลอดภัยแคล้วคลาดตลอดทาง เพื่อความอุ่นใจทำไว้ก็ไม่เสียหายนะ

จ า ก นั้ น ก็ได้เวลาบึ่งรถกลับสู่หาดเจ้าหลาว แวะ 7-11 ซื้อเสบียงสำหรับคืนนี้สักเล็กน้อย แล้วก็ตรงดิ่งเป้าหมายเดียวเลยไม่แวะที่ไหนอีกแล้วจนกว่าจะถึง “ร้านยายตุ๊” น้องที่รีสอร์ทแนะนำมาอีกที ไปถึงประมาณบ่าย 3 โมงยังไม่มีคนเท่าไหร่ มีแค่โต๊ะเรากับอีก 3-4 โต๊ะแค่นั้น ก็แน่ล่ะมื้อกลางวันก็ไม่ใช่ มื้อเย็นก็ยังไม่ถึง สั่งอาหารไป 7 อย่าง ด้วยความอร่อยเลยสั่งเพิ่มอีก 2 จาน รวมน้ำกับน้ำแข็งแล้วไม่ถึง 800 บาท เรียกได้ว่าไม่แพงเลย มิน่าคนพื้นที่เค้าถึงมากินกันที่นี่ เห็นมีแต่รถทะเบียนจันทบุรี, ระยองทั้งนั้นมาจอดกิน แสดงว่าเรามาถูกที่แล้ว อาหารออกเร็วมาก ทำให้กินกันอิ่มจนเรียกได้ว่าแน่นๆ เพราะอาหารอร่อย สด แล้วก็แต่ละจานไม่ใช่น้อยๆ เลย

ไ ด้ เ ว ล า กลับไปพักผ่อนกันแล้ว วันนี้ง่วงมากขอนอนก่อน หลับกันทั้งพ่อลูก ป๊ะป๋าตื่นมาทำรูปแล้วอัพขึ้นไปเก็บไว้บนเฟซบุ๊คเหมือนเดิม แล้วรีบก็เข้านอนต่อโดยพลัน เพราะพรุ่งนี้จะได้เวลากลับกรุงเทพฯ กันแล้วนะ ต้องขับรถยาวๆ กันอีกรอบ

ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ http://tombass.seesod.com/albums/view/index/baCp8dA02d1316423021

วันแรก – วันที่สอง – วันเดินทางกลับ

 

เขียนเมื่อ : วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ.2554 เวลา 22:58 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : The Eleventh of April